อัลบั้มแห่งปี The Life of a Showgirl เปิดตัวอย่างทรงพลังด้วยเพลง “The Fate of Ophelia” ชื่อเพลงที่สะกดใจตั้งแต่แรกเห็น เพราะคำว่า Ophelia พาเราย้อนกลับไปยังหญิงสาวผู้จมดิ่งสู่ความบ้าคลั่งและความเศร้าใน Hamlet ของเชกสเปียร์ (ที่แต่งขึ้นในปี ค.ศ. 1599 และ 1601) เรื่องราวของเธอจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของ หัวใจที่แตกสลาย ความเปราะบาง และการสูญเสียตัวตน
ในบทละครต้นฉบับ ความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ พังทลายระหว่าง Ophelia และ Hamlet คือแรงผลักให้เธอหลุดออกจากขอบของสติ และ Taylor Swift ถ่ายทอดแรงสั่นสะเทือนแห่งความเศร้านั้นออกมาอย่างสวยงามและชาญฉลาด เพลงนี้ไม่ได้เล่าเพียงเรื่องรัก แต่ยังสะท้อนการต่อสู้ การเยียวยา และการเรียนรู้ที่จะอยู่รอดในโลกที่ไม่อ่อนโยน
เชกสเปียร์ดูเหมือนเป็นแรงบันดาลใจที่ Taylor Swift หวนหยิบกลับใส่ในบทเพลงของเธออยู่เสมอ ตั้งแต่เพลง Love Story ที่ดึงเรื่องราว Romeo and Juliet มาถ่ายทอดใหม่ ไปจนถึงประโยค “all’s well that ends well” ใน All Too Well ที่สะท้อนบทกวีโศกของ Hamlet อีกครั้ง
แฟนเพลงยังสังเกตว่า ปกอัลบั้ม The Life of a Showgirl ชวนให้นึกถึงภาพวาดอันโด่งดังของ John Everett Millais ที่เป็นภาพโอฟีเลียลอยอยู่เหนือผืนน้ำ ราวกับหลับใหลในชะตากรรมของตัวเอง การเลือกใช้ภาพนี้ทำให้เพลงและอัลบั้มยิ่งชัดเจนในธีมความเปราะบางและโศกเศร้า
“The Fate of Ophelia” จึงเป็นเหมือนกระจกสะท้อนชีวิตของหญิงสาวอีกคน อย่าง Taylor Swift ผู้ที่แม้จะล้มสักกี่ครั้ง ก็ยังลอยอยู่เหนือความเศร้า และฟื้นคืนชีพขึ้นต่อสู้เพื่อความฝันและตัวตนด้วยเสียงดนตรีที่เปี่ยมพลังของเธออยู่เสมอ
